วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

แหล่งการเรียนรู้ จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช.

เต่าทำไมจึงอายุยืน


     เต่าขี้เหม็นแค่ไหน  

             เต่าออกนอกกกระดองได้หรือไม่

 


                               หาคำตอบได้ในนิทรรศการ "เต่า"

                นิทรรศการเต่า จัดแสดงโดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แงชาติ (อพวช.) ณ จุตรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. ชั้น 4 จามจุรีสแควร์ สามย่าน กรุงเทพมหานคร จัดแสดงตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 เป็นต้นไป (จะมีนิทรรศการต่าง ๆ จัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป)

 


การเดินทาง

                รถไฟฟ้าใต้ดิน : สถานีสามย่าน

                รถประจำทางสาย 4, 16, 21, 25, 29, 34, 36, 40, 45, 47, 50, 67, 93, 113, 141, 163, 172, 501


                                  แผ่นที่ เดินทางไปจามจุรีสแควร์


ลักษณะการนำเสนอสื่อ

1.             โปสเตอร์

2.             แผ่นพับ

3.             ตัวอย่างของจริง

4.             รูปแบบจำลอง

5.             จิ๊กซอร์เต่า ดูว่าเต่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย


                                               จิ๊กซอร์เต่า

                นิทรรศการต่า ได้จัดแสดงข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเต่าไว้ดังนี้

 


เต่าต้วมเตี้ยหรือเปล่า

                เต่าจะถูกมองว่าเชื่องช้า ถึงจะเดินไม่เร็วนัก แต่ก็เดินได้ไกล การที่มันเดินช้า มันต้องแบกน้ำหนักด้านบน ทำให้ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง เต่าหลบศัตรูและสิ่งอันตราย ด้วยการหยุดเดินและหดหัวเข้าไปในกระดอง ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ป้องกันตัวเอง

                เต่าทะเลบางชนิดว่ายน้ำได้ไกลและด้วยความเร็ว โดยเต่าที่ว่ายน้ำเร็วที่สุด คือเต่ามะเฟือง ความเร็วเฉลี่ยสูงสุด 35.28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

                เต่าที่เดินช้าที่สุด คือ เต่าบกยักษ์กาลาปากอส ความเร็วเฉลี่ยสูงสุด 0.13 – 0.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

ทำไมเต่าอายุยืน

                เต่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีลักษณะโบราณ เกิดก่อนไดโนเสาร์และสามารถดำรงเผ่าพันธุ์จนถึงปัจจุบัน กลไกในร่างกายของเต่า ทำให้เซลล์ทำงานน้อยลง เข้าสู่ความชราช้าลง และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี เต่าอดอาหารได้นาน ซึ่งลดการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย ลดระดับอัตราการหายใจ และเคลื่อนที่ช้า ทำให้ร่ายกายใช้พลังงานสะสมในร่างกายได้นาน ในสภาวะขาดออกซิเจน เลือดจะมีสภาพเป็นกรด แต่เต่ามีกลไกป้องกันการทำลายเซลล์ร่างกายจากความเป็นกรดของเลือด จึงทำให้ทนต่อสภาพขาดออกซิเจนได้ดี ในเลือดของเต่ามีสารต้านจุลินทรีย์ ป้องกันการติดเชื้อเมื่อเกิดบาดแผล

                การสืบพันธุ์เป็นฤดูกาล โดยเพศเมียสามารถเก็บสเปิร์มไว้ผสมกับไข่ภายหลัง โดยไม่ต้องจับคู่ผสมพันธุ์อีก ซึ่งรักษาพลังงานของร่างกายได้


ทำไมเต่ามีกระดอง

                กระดองเป็นอวัยวะสำคัญและเป็นลักษณะที่ทำให้เต่าแตกต่างไปจากสัตว์เลื้อยคลานกลุ่มอื่น เป็นโครงสร้างค้ำจุนร่างกาย ป้องกันอวัยวะภายใน และอันตรายจากสิ่งมีชีวิต

                กระดองเริ่มปรากฏตั้งแต่อยู่ในไข่ และพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นกระดองที่สมบูรณ์ มีลักษณะแตกต่างกันไปตามชนิดของเต่า

 

เต่ามีกระดองหลังโค้งเท่านั้นหรือไม่

                เต่ามีกระดองหลังโค้งมากน้อยต่างกันไป เต่าบกมีกระดองหลังโค้งรูปโดม ยกเว้นเต่าแพนเค้กมีกระดอกแบน เพื่ออาศัยอยู่ในซอกหิน และซ่อนตัวอยู่ในรู เต่าน้ำจืดมีกระดองโค้งน้อย เพื่อให้เคลื่อนที่ในน้ำได้ดี ยกเว้นเต่าหับที่มีนิสัยสะเทินน้ำสะเทินบก

 


 เต่าเพศผู้หรือเพศเมีย  

                เต่าเพศเมีย ขนาดตัวใหญ่และมีน้ำหนักมากกว่าเพศผู้ กระดองท้องแบนราบ รูขับถ่ายอยู่ประมาณขอบกระดอง

                เต่าเพศผู้ กระดองท้องเว้ารับกับความโค้งของกระดองหลังส่วนท้ายของเพศเมีย ช่วยให้ง่ายต่อการผสมพันธุ์ รูขับถ่ายค่อนมาทางปลาย

                คนถูกกำหนดเพศโดยพันธุกรรม แต่ปัจจัยหลักที่กำหนดเพศของเต่าคือ อุณหภูมิ เมื่อไข่ถูกฟักในอุณหภูมิสูง ลูกเต่าส่วนใหญ่จะเป็นเพศเมีย และไข่ทีฟักในอุณหภูมิต่ำ ลูกเต่าส่วนใหญ่จะเป็นเพศผู้

                ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานว่ามีผลต่อการกำหนดเพศของเต่าในสภาพธรรมชาติ แต่อุณหภูมิเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดเพศของลูกเต่า จึงมีความเป็นไปได้ว่าอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่การเกิดเพศเดียวในเต่า และนำไปสู่การสูญพันธุ์ในอนาคต

                                          เต่าเพศผู้ท้องเว้า

                                         เต่าเพศเมีย ท้องแบนราบ




เต่าขี้เหม็นแค่ไหน
               มูลเต่านั้นเหม็นมาก เนื่องจากปฏิกิริยาของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ที่ช่วยสลายอาหาร ทำให้เกิดการหมักและกลิ่นที่รุนแรง เต่าจึงป้องกันตัวเองจากศัตรู โดนการปล่อยมูลที่มีกลิ่นเหม็นมาก เมื่อถูกจับตัวจะถ่ายออกมาทันที

ขี้เต่า

 เต่าสายพันธ์ต่าง ๆ


        เต่าแก้มแดง หรือเต่าญี่ปุ่น



                   เต่าน้ำจืดที่มีสีสันสวยงามโดนเฉพาะเมื่อยังมีขนาดเล็ก กระดองสีเขียวและมีลายเส้นสีเหลือง สีดำ บริเวณหลังตามีแถบตามยาวสีแดง เมื่อโตเต็มที่มีความยาวกระดองประมาณ 28 เซนติเมตร พบในอเมริกาเหนือ อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดที่มีน้ำนิ่งและมีพืชน้ำขึ้นหนาแน่น กินทั้งสัตว์และพืชรวมทั้งซากพืชซากสัตว์เป็นอาหาร จัดเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในประเทศไทยและหลายประเทศ

เต่าแก้มแดง

 


        เต่ามาตามาต้า

                                             เต่ามาตามาต้า


                    เต่าน้ำจืดที่มีคอยาว กระดองและส่วนหัวลักษณะแปลกประหลาดคล้ายใบไม้แห้ง กระดองมีสีน้ำตาลส้มหรือน้ำตาลดำ เมื่อโตเต็มที่มีความยาวกระดองประมาณ 45 เซนติเมตร อาศัยในบริเวณที่ตื้นของแหล่งน้ำที่น้ำไหลช้าหรือน้ำนิ่ง กินปลาและสัตว์ไม่มีกระดูกสัตว์หลังขนาดเล็กที่ยังมีชีวิตเป็นอาหาร

 

         เต่าคองู

                เต่าน้ำจืดที่มีคอยาวมากลักษณะคล้ายงู กระดองมีลักษณะคล้ายรูปไข่ มีสีน้ำตาลเข้มหรือดำ เมื่อโตเต็มที่มีความยาวกระดองประมาณ 27 เซนติเมตร พบในทวีปออสเตรเลีย อาศัยในบริเวณที่ตื้นของแม่น้ำและลำธารที่น้ำไหลช้า กินสัตว์หลายชนิดเป็นอาหาร

                                                   เต่าคองู


 

การนำแหล่งเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน

                สำหรับนิทรรศการเรื่องเต่า สามารถในไปประกอบการเรียนการสอบวิชาชีววิทยาได้หลายเรื่อง เช่น ทำไมเต่าต้องมีกระดอง สามารถอธิบายได้ในเรื่องการรักษาสมดุลของสิ่งมีชีวิต ลักษณะจำเพาะของสิ่งมีชีวิต และความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต การที่นักเรียนได้เรียนรู้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว จะทำให้การเรียนรู้นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นความรู้ที่ยั่งยืน


 

 

 

 


วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สังเกตการใช้สื่อประกอบการเรียนการสอน : โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา



        1. ประวัติโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- สถานที่ตั้ง
- ประวัติ
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เป็นโรงเรียนสหศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแห่งแรกของประเทศไทย อยู่ในความดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2480 โดยมติของสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มี ฯพณฯ ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เป็นผู้อำนวยการท่านแรก
- ผู้อำนวยการโรงเรียนคนปัจจุบัน
                นายวิศรุต สนธิชัย (พ..2551 - ปัจจุบัน)
- หลักสูตรที่เปิดสอน
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ โดยแบ่งตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้นดังนี้
วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ แบ่งกลุ่มย่อยตามวิชาเลือกได้อีก 8 กลุ่มคือ
- การบริหารจัดการ
- วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ประยุกต์
- คุณภาพชีวิต
ภาษา-คณิตศาสตร์ เรียนเพิ่มวิชาบริหารจัดการและภาษาจีน
ภาษา-ภาษา เรียนเพิ่มวิชาคุณภาพชีวิต โดยแบ่งกลุ่มวิชาภาษาที่เลือกได้ 4 กลุ่มคือ
               - ภาษาสเปน

2. สื่อที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน
                วันที่ข้าพเจ้าไปสังเกตการใช้สื่อประกอบการเรียนการสอนคือ วัน พุธ ที่ 1 สิงหาคม 2555 เวลา 8.20-9.30 . รายวิชาชีววิทยา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 อาจารย์ผู้สอนคือ อาจารย์คฑา นุแรมรันย์ ซึ่งวันที่ไปสังเกตการณ์ใช้สื่อนั้น เรียนเรื่อง การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต มีสื่อในการเรียนการสอนดังนี้
                1. วีดีโอ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียน ใช้ในการเกริ่นนำเข้าสู่บทเรียน (แต่! ข้าพเจ้าไม่ได้ดู สอบถามจากอาจารย์ผู้สอน)
                2. เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา ว30241 อาจารย์ผู้สอนรายวิชานี้ช่วยกันจัดทำขึ้น รวบรวมเนื้อหามาจากหนังสือหลาย ๆ เล่ม มีรายละเอียดดังนี้
                    - แบบทดสอบก่อนเรียน
                    - เนื้อหาของแต่ละบท
                    - ใบกิจกรรม
                    - แบบทดสอบหลังเรียน
 
เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา ว30241
                 ใช้เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา ว30241 เล่มนี้ ควบคู่กับหนังสือเรียนชีววิทยา เล่ม 1 ของ สสวท.   
3. powerpoint อาจารย์ผู้สอนเล่าให้ฟังว่า นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา การเรียนแบบ Chlid Center (เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ) ใช้ไม่ได้ผล เพราะนักเรียนต้องการเป็นผู้รับเนื้อหา ความรู้จากอาจารย์ผูสอน เพื่อนำไปต่อยอดความรู้ที่นักเรียนสามารถศึกษาด้วยตนเอง การใช้กิจกรรมประกอบการเรียนการสอน จะไม่ค่อบประสบผลสำเร็จ นักเรียนไม่ค่อยชอบ เพราะเข้าใจว่า อาจารย์ไม่ได้สอนอะไรเลย

3. ประโยชน์
                Powerpoint
- ประหยัดเวลาในการสอน เพราะใน 1 powerpoint สามารถใส่เนื้อหาที่จะสอนลงไปได้หลายเรื่อง
- สามารถนำสื่อต่าง ๆ ที่น่าสนใจมาใช้ร่วมได้ เช่น รูปภาพ การใช้ภาพดาราหรือภาพที่อยู่รอบตัวเรา แต่ไม่เคยสนใจ นำมาประกอบใน powerpoint ทำให้นัเรียนสนใจมากยิ่งขึ้น วีดีโอ อนิเมชั่น เป็นต้น
- นักเรียนจดตามที่บรรยายได้ง่าย
                เอกสารประกอบรายวิชา ว30241
- นักเรียนสามารถทดสอบความรู้ตนเองได้ โดยการทำแบบทดสอบก่อนเรียน และทบทวนความรู้ตนอง โดยการทำใบกิจกรรม และทำแบบทดสอบหลังเรียน

4. ปัญหาและอุปสรรค
                การใช้สื่อเป็น Powerpoint
1. ปัญหาจากการทำ powerpoint เช่น ตัวอักษรมองไม่เห็น เป็นต้น
2. นักเรียนไม่มีส่วนร่วมในการเรียนการสอน
3. นักเรียนเบื่อ ทำให้เกิดอาการง่วง และนอนหลับ

5. ข้อเสนอแนะ
- ผู้สอนต้องศึกษาเทคนิคการทำ powerpoint มาเป็นอย่างดี ต้องมีสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนักเรียน เช่น ภาพ สีของพื้นหลัง เป็นต้น
- ผู้สอนต้องมีเทคนิคในการสอนแบบบรรยาย เพื่อไม่ให้นักเรียนเกิดอาการเบื่อหน่าย เช่น การใช้คำถามกระตุ้นให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิด เป็นต้น
- สร้างบรรยากาศให้การเรียนแบบบรรยายดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น นำเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับเนื้อหามาเล่าประกอบ เป็นต้น


                            ภาพบรรยายกาศในการสังเกตการใช้สื่อรายวิชาชีววิทยา
 
อาจารย์กำลังสอน นักเรียนก็ตั้งใจฟัง

ผู้ร่วมสังเกตการใช้สื่อประกอบการเรียนการสอน


อาจารย์คฑา นุแรมรันย์

   ในการไปสังเกตการณ์ใช้สื่อประกอบการเรียนการสอนครั้งนี้ ต้องขอกราบขอบพระคุณ  อาจารย์ตฤษณา เขมะภาตะพันธ์ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนเรียนรู้วิทยาศาสตร์ อาจารย์ผู้ประสานงานกับอาจารย์รายวิชาชีววิทยา และอาจารย์คฑา นุแรมรันย์ อาจารย์ผู้สอนรายวิชาชีววิทยา ที่ให้เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ใช้สื่อ และสุดท้ายอาจารย์ได้ฝากคำพูดดี ๆ ไว้ประโยคหนึ่งว่า

สื่อการเรียนรู้ที่ดีที่สุด
คือ สื่อจากประสบการณ์ในตัวผู้สอน
  

นวัตกรรมการศึกษา : การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (Distance learning Television)


มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูในพื้นที่ชนบท โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ติดตามชายแดนมีครูสอนน้อยมาก และจัดตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในมหามงคลวโรกาสที่        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปี โดยจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม    ถ่ายทอดสดหลักสูตรประถมศึกษา มัธยมศึกษา และสายวิชาชีพให้แก่โรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษา รวมทั้งการออกอากาศรายการภาคภาษาอังกฤษทางช่อง 81-95 (UBC) โดยสามารถรับชมได้ดังนี้
1. ระบบ DSTV เป็นระบบโทรทัศน์ผ่านจานรับสัญญาณดาวเทียม ในย่านความถี่ KU-Band ที่เป็นระบบเดียวกับ ทรูวิชั่นส์ ซึ่งสามารถซื้อ ชุดรับสัญญาณดาวเทียม กับตัวแทนจำหน่ายของ ทรูวิชั่นส์ ได้ทั่วไป โดยไม่เสียค่าบริการรายเดือน โดยมีราคาประมาณชุดละ 12,000 บาท หรือหากมีเครื่องรับสัญญาณดาวเทียม ที่สามารถรับย่าน KU-Band ได้ ก็สามารถรับชมได้ เพราะระบบออกอากาศของสถานีฯ มิได้มีการเข้ารหัสไว้ จึงไม่ต้องใช้ Smart Card ในการรับชมรายการ
2. ระบบ CATV เป็นระบบโทรทัศน์ผ่านสายเคเบิล ซี่งสามารถรับชมได้ ในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล แต่สามารถรับชมรายการได้เพียง 7 ช่อง และต้องเสียค่าบริการรายเดือน กับบริษัทเคเบิลทีวีที่ให้บริการ
3. ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในด้านเนื้อหาวิชา (Free-of-charge Web-based Information Content) ทั้งในระบบรายการถ่ายทอดสด (Live Broadcast) และระบบรายการตามคำสั่ง (On Demand) ทางเว็บไซต์ของ มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม และ สถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม

ประโยชน์ของการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
              1. ช่วยแก้ปัญหาในพื้นที่ชนบทที่ขาดแคลนครู
              2. เปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนทุกคนได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน โดยเรียนรู้ผ่านการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ศาลสั่งจำคุก 8 เดือน เจ้าของเว็บประชาไท ข้อหาหมิ่นสถาบัน

           วันนี้ (30 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คดีดำ อ.961/53 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท เป็นจำเลยฐาน กระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 255 
       โดยคดีนี้พนักงานอัยการฟ้องเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2553 สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 เม.ย. - 3 พ.ย. 2551 ต่อเนื่องกันวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแล (Web master) เว็บไซต์ประชาไท ได้จงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการดำเนินการนำข้อความเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอยู่ในความควบคุมของจำเลย อันเป็นข้อมูลมีเนื้อหาเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร จำนวน 10 กระทู้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ในความควบคุมของจำเลย เหตุเกิดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แขวงจอมพล เขตจตุจักร, แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักรไทย เกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธ   
       ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความทั้ง 10 กระทู้เป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และมีการนำเข้าสู่เว็บบอร์ดของเว็บไซต์ประชาไท แต่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานว่า จำเลยจะเป็นผู้นำข้อความกระทู้ทั้ง 10 เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือจงใจ สนับสนุนให้มีการกระทำความผิดดังกล่าวในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของจำเลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิด ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับเป็นความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3) และฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดดังกล่าว แต่บทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าผู้ดูแลเว็บไซต์ดำเนินการแก้ไขกรณีมีความข้อความที่ไม่เหมาะสมว่าควรมีระยะเวลานานเพียงใดกรณีนี้จะถือว่าผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องรับผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวทันที หลังมีการนำเข้าข้อความที่ไม่เหมาะสมเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตนั้นนับว่าไม่เป็นธรรมแก่ผู้ให้บริการฐานะตัวการ แต่จำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบมีกระทู้ดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยมิได้คำนึงถึงภาระหน้าที่ในฐานะผู้ดูแลเว็บไซต์เพื่อให้หลุดพ้นในการรับผิดดังกล่าวและทำให้บทบัญญัติตามกฎหมายไม่มีสภาพบังคับนั้นย่อมไม่เป็นไปตามเจตนารมของกฎหมาย   
       ศาลเห็นว่า หากจำเลยมีความใส่ใจดูแล ตรวจสอบตามหน้าที่ควรใช้เวลาในการตรวจสอบเมื่อเห็นข้อความที่ไม่เหมาะสมควรลบข้อความดังกล่าวออกจากระบบคอมพิวเตอร์ในระยะเวลาอันสมควรเพราะหากปล่อยเวลาให้นานไปกว่านี้อาจมีการนำข้อความไปเผยแพร่ต่อก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อผู้เกี่ยวข้อง เสียหายต่อความมั่นคงของประเทศชาติได้ เห็นได้ว่ากระทู้จำนวน 9 กระทู้ ยังอยู่ในกระดานสนทนาอยู่ จำเลยเป็นผู้ดูแลเป็นเวลา 11 วัน 1 วัน 3 วัน 2 วัน 2 วัน 1 วัน 3 วัน 2 วัน และ 1 วัน ตามลำดับ อยู่ในกรอบเวลาอันสมควร แต่ปรากฏหลักฐานว่ามี 1 กระทู้ ที่ถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์เป็นเวลานานถึง 20 วัน เกิดกำหนดเวลาอันควรที่จำเลยควรจะตรวจสอบและนำข้อมูลดังกล่าวออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ถือได้ว่าจำเลยให้ความยินยอมโดยปริยาย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14   
       ที่จำเลยนำสืบว่า หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นที่เว็บไซต์ประชาไทมากขึ้น จึงมีการเปิดมาตรการในการควบคุม โดยมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูลที่นำเข้าสู่เว็บไซต์ หากพบมีข้อความลักษณะที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถนำออกได้โดยไม่ต้องรับอนุญาตจากจำเลยนั้น เห็นว่าเป็นหน้าที่ขอจำเลยในฐานะผู้ให้บริการแต่ยังไม่เพียงพอภาระหน้าที่ของจำเลยในการควบคุมดูแล ที่ให้มีการกระทำความผิดในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในการควบคุมของจำเลยมีอยู่เช่นใดก็คงมีอยู่เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง   
       ส่วนจุดประสงค์ของเว็บไซต์ที่ต้องการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง มุ่งเน้นในเรื่องสิทธิที่ถูกต้องในส่งเสริมประชาธิปไตยนั้น ศาลก็ยอมรับว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองซึ่งให้การรับลองและคุ้มครองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ เพราะเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นสะท้อนถึงธรรมาภิบาลและความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ หรือองค์กรนั้นๆ การวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนทั้งด้านบวกและด้านลบย่อมเป็นโอกาสในการนำไปปรับปรุงประเทศ องค์กรและตัวเองให้ดียิ่งขึ้น แต่เมื่อจำเลยเปิดช่องทางให้มีการแสดงความคิดเห็นในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลย จำเลยย่อมมีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อคิดเห็น หรือข้อมูลที่อาจกระทบกระเทือน ถึงความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นที่ต้องเคารพเช่นกัน เมื่อจำเลยกระทำผิดตามที่วินิจฉัยมาข้างต้นจำเลยจึงมิอาจอ้างซึ่งสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวเพื่อให้หลุดพ้นจากความผิดได้   
       จำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 15 ประกอบมาตรา 14 อนุ 3 ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี ปรับ 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลา 8 เดือน ปรับ 2 หมื่นบาท และเนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีของชาติ โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด
       ภายหลัง น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร กล่าวว่า ยังคงไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา และจะร่วมปรึกษากับทนายความว่าจะอุทธรณ์คดีหรือไม่
       ด้าน นายธีรพันธุ์ พันธุ์คีรี ทนายความกล่าวว่า โดยรวมค่อนข้างพอใจกับคำพิพากษา แต่ยังมีบางประเด็นที่เห็นว่าจำเลยน่าจะมีความผิดแค่บกพร่องในการตรวจสอบ ดูแลข้อความในเว็บบอร์ด แต่ศาลกลับเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตรงที่จงใจ และมีส่วนสนับสนุนให้ผู้อื่นโพสต์ข้อความหมิ่น ซึ่งจำเลยน่าจะมีความผิดเพียงประมาทเลินเล่อ
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวภาคเอกชนหรือเอ็นจีโอทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนงให้ความสนเดินทางมาฟังคำพิพากษาจนแน่นห้องพิจารณาคดี

................................................................................................................................


            สรุปข่าว

                ศาลพิพากษาผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท ที่ปล่อยให้มีการโพสต์ข้อความ 10 กระทู้ เนื้อหาข้อความเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ลงในเว็บไซต์ประชาไท ซึ่งข้อความดังกล่าวอาจจะส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศได้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 15 ประกอบมาตรา 14 อนุ 3 ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี ปรับ 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลา 8 เดือน ปรับ 2 หมื่นบาท และเนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีของชาติ โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี

                มาตรการในการป้องกัน

                1. ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยในการปกครอง ประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ เป็นสิทธิขั้นสิทธิของประชาชน แต่การใช้สิทธิเสรีภาพของตนเองต้องให้ความเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นด้วยเช่นกัน

            2. ผู้ดูแลเว็บไซต์ เมื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องใส่ใจ ตรวจสอบข้อความคิดเห็น ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติ และต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นด้วย ถ้าพบข้อความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสมต้องทำการลบออก

แหล่งที่มา : http://www.manager.co.th/crime/viewnews.aspx?NewsID=9550000066295